https://youtu.be/TeqCBLvd01I
วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
2. บูลมาสทีฟฟ์ (Bullmastiff
2. บูลมาสทีฟฟ์ (Bullmastiff)
แค่เห็นหน้าก็คงไม่มีใครกล้าแหยมกับบูลมาสทีฟฟ์เป็นแน่ เพราะด้วยส่วนสูง 25 – 27 นิ้ว และน้ำหนัก 110 – 130 ปอนด์ แถมหน้าตาที่ย่น ดูเคร่งขรึม หน้าโหดไม่ใช่เล่น แต่ถ้าได้ทำความรู้จักกับพวกเขาจะรู้เลยว่า พวกเขาช่างไร้เดียงสา อ่อนหวาน น่ารัก รักเจ้าของ ขี้อ้อน ชื่นชอบการทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าแม้จะเล่นแรงบ้างก็ตามค่ะ แต่ถึงเวลาต้องปกป้องครอบครัวพวกเขาก็จะฮึกเหิม พร้อมลุกขึ้นต่อสู้เพื่อคนที่รักในทันที บูลมาสทีฟฟ์เป็นน้องหมาฝึกง่าย แต่อาจต้องฝึกตั้งแต่ยังเล็กประมาณ 8 – 12 สัปดาห์ พาไปออกสังคมบ่อย ๆ จะได้ชินกับคนแปลกหน้า รู้จักควบคุมตัวเองเมื่อตื่นเต้น เพราะตัวใหญ่มาก ถ้าไม่หัดฝึกให้รู้จักหยุด คอย ยั้งแรงตั้งแต่ยังเด็ก พอโตมาเจ้าของอาจจะรั้งไว้ไม่อยู่ แล้วถ้าเพื่อน ๆ คนไหนคิดจะเลี้ยงควรวางแผน และศึกษาการเลี้ยงดูตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ
1. ไจแอนท์ อลาสกัน มาลามิวท์
1. ไจแอนท์ อลาสกัน มาลามิวท์ (Giant Alaskan Malamute / Panda Giant Alaskan Malamute)
อันที่จริงแล้วน้องหมาอลาสกัน มาลามิวท์ จะมีน้ำหนักตามมาตรฐานสายพันธุ์อยู่ที่ 75 – 85 ปอนด์ ไม่เกิน 100 ปอนด์ แต่สำหรับน้องหมาไจแอนท์ อลาสกัน พวกเขามีน้ำหนักตัวมากได้ถึง 190 ปอนด์ หรือ ประมาณ 58 กิโลกรัมเลยทีเดียว อีกทั้งยังสูงถึง 35 นิ้ว หรือ ประมาณ 87 เซนติเมตร ดูไปดูมาแล้วเหมือนน้องหมีเสียมากกว่า แต่ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร สงบ สุภาพอ่อนโยน ใจดี เหมาะสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนของสมาชิกในครอบครัว เพราะพวกเขามีความอดทนต่อการเล่นแรง ๆ ของเด็ก ๆ ฝึกง่าย ไม่ก้าวร้าวด้วยค่ะ มีดีขนาดนี้จะไม่ให้ฮอตฮิตติดอันดับน้องหมาพันธุ์ใหญ่ยักษ์ที่มีคนเลี้ยงมากที่สุดในเมืองไทยได้อย่างไรล่ะ
บูลเทอร์เรีย (bull terier)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
บูลเทอร์เรีย (Bull Terrier) สุนัข พันธุ์นี้เป็นที่รู้จักของคนไทยในยุคหลัง ด้วยหน้าตาแปลกๆ แต่แอบน่ารัก โครงหน้าแหลมๆ ยาวๆ ตาตี่ๆ หูตั้ง ตัวขาวล้วน มีสีดำแต้มที่บริเวณตาข้างใดข้างหนึ่ง ดูไปดูมาหน้าตาออกแนวกวนใจ บูลเทอร์เรีย เลี้ยงง่าย มีจินตนาการสูง มีบุคลิกไม่เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น ที่ทำให้ใครๆ เห็นแล้วต้องหลงรักในความทะเล้น ขี้เล่น ทำให้เวลานี้ สุนัข บูลเทอร์เรีย มาแรงแซงทางโค้ง มีผู้นิยมเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านเรา
สุนัข บูลเทอร์เรีย จัดอยู่ในกลุ่มเทอร์เรีย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ราวปี ค.ศ.1835 เป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง บูลด็อก (Bulldog)กับ อิงลิชเทอร์เรียสีขาว (English White Terrier )ได้ออกมาเป็น "บูลแอนด์เทอร์เรีย" แต่เนื่องจากตัวเล็กเกินไป สองสามปีต่อมาจึงมีคนเอา บูลแอนด์เทอร์เรีย ไปผสมกับ สแปนิช พอยน์เตอร์ (Spanish Pointer Blood) ทำให้ได้บูลเทอร์เรียที่ตัวใหญ่ขึ้น ซึ่งการพัฒนาสายพันธุ์ก็มีมาเรื่อยๆ กระทั่งในปี ค.ศ. 1850 มีการผสมพันธุ์ให้ขนสั้นลงมีสีขาวล้วนห น้าตาน่ารักน่าชังอย่างที่เห็นทุกวันนี้
ข้อดีของสุนัข บูลเทอร์เรีย เป็นนักสู้ที่อ่อนหวานโดยธรรมชาติเป็นนักสู้ที่ใจถึง เป็นสุนัขอารักขาที่กระฉับกระเฉงรักครอบครัวและหวงอาณาเขตโดยสัญชาติญาณ มีนิสัยที่รักเจ้าของมากๆ ไม่เห่าพร่ำเพรื่อ ขณะเดียวกันก็เป็น สุนัข ที่มีจิตใจที่อ่อนหวาน อ่อนโยน แล้วก็เป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กได้ดี
หากดูในเรื่องของความฉลาด และการเชื่อฟังคำสั่ง คุณอาจผิดหวังเพราะ สุนัข บูลเทอร์เรีย จัดว่าไม่ฉลาดเท่าไหร่ จากการวัดไอคิวของสุนัขทั้งหมด 79 สายพันธุ์ บูลเทอร์เรีย ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 66 ถ้าเป็นคนอาจถูกจัดเป็นนักเรียนหลังห้องอะไรทำนองนั้น อย่างไรก็ตาม บูลเทอร์เรีย สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ในระดับหนึ่ง แต่การตอบสนองก็ไม่ดีเหมือนพันธุ์อัลเซเชี่ยน, ลาบราดอร์ หรือ พุดเดิ้ล ดังนั้น ถ้าคุณอยากได้สุนัขฉลาด เชื่อฟังคำสั่งดีก็ขอให้มองข้าม สุนัข บูลเทอร์เรีย นี้ไปได้เลย
ลักษณะทั่วไปของ สุนัข บูลเทอร์เรีย
บูลเทอร์เรีย เป็นสุนัขในกลุ่ม (Terrier Group) คือ หนึ่งในสุนัขประเภทเทอร์เรีย 4 สายพันธุ์ ที่ใช้ในการกัดสุนัข ได้แก่ American Pittbull Terrier, Staffordshire Bull Terrier, Miniature Bull Terrier, และ Bull Terrier ทั้งนี้ สุนัข บูลเทอร์เรีย จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี น้ำหนักมาตรฐานอยู่ระหว่าง 52-62 ปอนด์ ส่วนสูงอยู่ที่ 21-22 นิ้ว บูลเทอร์เรีย ดูแลง่าย ขนสั้น มีหลายสี ทั้งสีขาวล้วน ขาวแต้มดำหรือสีน้ำตาล และลายเสือ
บูลเทอร์เรีย นับเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างพละกำลัง และความงดงาม มีลําตัวและโครงสร้างที่แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มีส่วนสัดที่รับกันอย่างพอดี มีลักษณะปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว กระตือรือร้น มีไหวพริบและความฉลาด แบบฉบับของ สุนัข บูลเทอร์เรีย อันเป็นที่ยอมรับกันนั้นต้องขาวบริสุทธิ์ คือขาวปลอด จมูกดำปิ้ด รูปร่างสันทัดล่ำสัน ขากรรไกรแข็งแรง และนัยน์ตาเป็นรูปสามเหลี่ยม นั่นแหละเขาหละ
บูลเทอร์เรีย (bull terier)
อาหารและการเลี้ยงดู สุนัข บูลเทอร์เรีย
เนื่องจากเป็น สุนัข ขนาดกลาง ปริมาณในกินอาหารในแต่ละมื้อของ บูลเทอร์เรีย จึงไม่มากเท่าไหร่ แต่ผู้เลี้ยงก็ควรฝึกให้มีวินัยในการกิน กินเป็นเวลา ไม่พร่ำเพรื่อ เพราะ บูลเทอร์เรีย มีนิสัยกินเก่ง หากให้อาหารบ่อยๆ อาจเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ ดังนั้น จึงควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งอาหารเม็ดจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากสะดวก ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาปรุงเอง ส่วนการดูแลความสะอาดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะ สุนัข บูลเทอร์เรีย ขนสั้น เพียงแค่แปรงขนให้เขาสัปดาห์ละ 1 ครั้งด้วยแปรงยาง หรือถุงมือที่เป็นแปรง และอาบน้ำให้ 2 อาทิตย์ต่อครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
แต่เรื่องที่ยากก็คือ สุนัข บูลเทอร์เรีย โดยเฉพาะสีขาวมักมีปัญหาเรื่องผิวหนังแพ้ง่าย โดยธรรมชาติผิวหนังจะค่อนข้างแพ้แสงแดด ดังนั้น ควรเอาใจใส่ดูแลในเดือนที่มีอากาศร้อนเป็นพิเศษ และเวลาพาไปเล่นอะไรที่สกปรก ก็อย่าลืมนำเขากลับมาล้างตัวด้วยน้ำเปล่า และเช็ดให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการหมักหมมของเชื้อโรค และพวกปลอกคอที่เป็นหนังก็ไม่แนะนำเช่นกัน เพราะอาจเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคชั้นดีที่ทำให้ บูลเทอร์เรีย สุดสวยสุดหล่อของคุณเป็นโรคผิวหนังได้
โรคและวิธีการป้องกัน
แม้ บูลเทอร์เรีย จะเป็น สุนัข ที่พื้นฐานร่างกายค่อนข้างแข็งแรง แต่โรคและอาการที่พบใน บูลเทอร์เรีย ก็มีมากเช่นกัน ทั้งนี้โรคที่พบบ่อย ได้แก่
1.โรคผิวหนังหรือผิวหนังมีอาการแพ้ง่าย โรคนี้พบมากเหลือเกินโดยเฉพาะสุนัขที่มีสีขาว และอยู่ในประเทศแถบร้อนชื้นอย่างบ้านเรา
2. โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด อาการนี้ต้องให้สัตวแพทย์ตรวจ ซึ่งหมายความว่าผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นพาเขาไปตรงสุขภาพทุกปี เมื่อรู้ว่าเขาป่วยด้วยโรคนี้จะได้ดูแลได้อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นบางคนนำสุนัขที่เป็นโรคหัวใจไปออกกำลังกายหนักๆ ก็จะทำให้เขาเสียชีวิตได้
3. โรคไตผิดปกติแต่กำเนิด อาการนี้ก็ต้องตรวจเช่นกันครับว่าค่าไตอยู่ในเกณฑ์ปกติหรืไม่ เพื่อเราจะได้เตรียมการดูแลที่ต่างออกไปจากสุนัขปกติ ทั้งด้านอาหาร และการออกกำลังกาย
4. อาการหมุนเป็นวงกลมโดยไม่สามารถควบคุมได้ บางตัวอาจมีการงับหางตัวเองร่วมด้วย ส่วนมากเกิดจากความเครียดที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
5. อาการลูกสะบ้าหัวเข่าเคลื่อน เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรม เกิดจากการเลี้ยงบนพื้นลื่น หรือบางตัวอาจได้รับการกระแทกบริเวณหัวเข่า อาจแสดงอาการเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างพร้อมกันก็ได้ อาการที่พบคือ สุนัขจะเดินย่อตัว ปลายเท้าแบะออก นอกจากนี้อาจพบโรคกระดูกบาง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการได้รับสารอาหารบางชนิดในวัยเด็ก เช่น ข้าวคลุกตับ โครงไก่ หรือปลากระป๋อง หรือการเสริมแคลเซียมให้มากเกินไป ทำให้ระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในกระแสเลือดเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดโรคกระดูกบางตามมาได้
6. หูหนวกแต่กำเนิด ที่ต่างประเทศจะมีเครื่องที่ใช้ตรวจกรณีนี้โดยเฉพาะเรียกว่า BEAR test แต่เท่าที่ทราบนี่เมืองไทยยังไม่น่าจะมี แต่เราก็สามารถใช้วิธีตรวจสอบคร่าวๆ ได้ครับเช่น การเป่านกหวีด หรือทำเสียงต่างๆ เพื่อป้องกันการซื้อสุนัขหูหนวกมาเลี้ยง
จะเห็นได้ว่า สุนัข บูลเทอร์เรีย มีโอกาสเกิดโรคต่างๆ ได้ไม่แพ้ สุนัข สายพันธุ์อื่นๆ แม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงเพียงใดก็ตาม ดังนั้น ผู้เลี้ยงควรพาสุนัขไปพบสัตว์เเพทย์เป็นประจำตามใบนัดเพื่อทำการฉีดวัคซินตามโปรเเกรม และขอย้ำเรื่องการจูงเดินเล่น เป็นการออกกำลังกายที่ควรจะทำให้บ่อยที่สุด หรือทุกวันก็จะดีมากๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงในเวลาที่แสงแแดดจัด จะได้ไม่เกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้
วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
มอลทีส (Maltese)
คุณสมบัติของสุนัข
ขนาดตัวเล็ก- ดูแลรักษา
ความสะอาด1 ครั้ง/สัปดาห์
ความยาวขนยาว
ออกกำลังกาย1 ครั้ง/สัปดาห์- พละกำลัง/
ความแข็งแรงน้อย - เป็นมิตร
กับเด็กปานกลาง - ทนต่อ
อากาศร้อนน้อย - ทนต่อ
อากาศหนาวปานกลาง - พื้นที่
ในการเลี้ยงน้อย
ลักษณะทั่วไปมอลทีส หรือ มัลทีส เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส เรียบร้อย และเชื่อฟังคำสั่ง สุภาพอ่อนโยน มีความเป็นมิตรกับคนทั่วไปชอบที่จะให้อุ้มหรือกอดอยู่เสมอ ในบางครั้งอาจจะเกรี้ยวกราดบ้างกับสุนัขด้วยกัน มอลทีสเป็นสุนัขที่มีนิสัยอิจฉาชอบประจบเจ้าของ รักเจ้าของมาก ชอบปกป้องเจ้านายหรืออาณาเขตของมันเองออดอ้อนออเซาะ ไม่เป็นรองใครมีความฉลาดแสนรู้ แต่จิตใจกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวไม่ยอมใครดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงรวมไว้กับสุนัขตัวโตๆ เพราะจะมีโอกาสรอดไม่ถึงแก่ตาย โดยปกติแล้วไม่ควรทิ้งให้อยู่ตามลำพังเป็นเวลานานๆ มอลทีส ไม่ใช่สุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้งาน แม้ว่าจริงๆแล้ว เขาก็เฝ้าบ้านได้ดีและก็สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ดีเช่นกัน มอลทีส เป็นสุนัขที่มีความรักให้กับคุณอย่างมากมาย ทำให้คุณชื่นใจทุกครั้งด้วยการคอยต้อนรับคุณที่ประตูเป็นสุนัขที่ฉลาดและชอบให้เอาใจ
ความเป็นมาสุนัขมอลทีสมีถิ่นกำเนิดในประเทศ MALTA (แถบทะเลเมอร์ดิเตอริเนียน) มานานเกือบ 2800 ปีแล้ว นักเขียนหรือนักวาดภาพในสมัยโบราณมักนิยมเขียนเรื่องราวหรือภาพของสุนัขพันธุ์นี้ และเป็นที่นิยมเลี้ยงของผู้คนสมัยนั้น และจนกษัตริย์อียิปต์โบราณและ QUEEN VICTORIA ด้วย MALTESE เป็นสุนัขที่มีขนมีขาวสะอาดมีสุขภาพดี คล้ายสุนัขใหญ่กลุ่ม SPANIEL ในปี ค.ศ. 1607 มีการซื้อขายพันธุ์ MALTESE ตัวหนึ่งสูงถึง 2000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 50000 บาท
ลักษณะนิสัยมอลทีส ไม่ใช่สุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้งาน แม้ว่าจริงๆแล้ว เขาก็เฝ้าบ้านได้ดีและก็สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ดีเช่นกัน มอลทีส เป็นสุนัขที่มีความรักให้กับคุณอย่างมากมาย ทำให้ผู้เลี้ยงชื่นใจทุกครั้งด้วยการคอยต้อนรับคุณที่ประตูเป็นสุนัขที่ฉลาดและชอบให้เอาใจ และถึงแม้จะตัวเล็กแต่ก็กล้าหาญ ซื่อสัตย์และน่ารัก ถือเป็นสุนัขที่สุภาพอ่อนโยนมากในหมู่สุนัขเล็กด้วยกัน แต่ก็กระตือรือร้น ร่าเริง กระฉับกระเฉงและขี้เล่น
การดูแลมอลทีส จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่พวกเขาชอบอยู่ในบ้านซึ่งจะได้ใกล้ชิดกับเรามากกว่า ถ้าเลี้ยงเขาในแฟล็ตหรือคอนโด ก็ควรจะจูง เขาไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง มอลทีส เป็นสุนัขประกวดที่สวยงาม หากไม่เล้ียงไว้ประกวดก็สามารถเล็มแต่งขนเขาสั้นลงเพื่อดูแลรักษาง่ายๆ แต่เราต้องแปรงขนเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ขนพันกัน อาบน้ำให้น้องมอลทีสซักสัปดาห์ละครั้ง พร้อมทั้งเป่าขนให้แห้งเสมอ
อุปกรณ์สำคัญสำหรับสุนัขพันธุ์มอลทีสนี้ได้แก่ แปรงสำหรับแปรงขนดีๆ หวีซี่เล็ก กรรไกรสำหรับ แต่งขนบริเวณใต้ฝ่าเท้า รวมทั้งกรรไกร ตัดเล็บสุนัข และกรดบอริคเพื่อเช็ดรอยคราบน้ำตา เป็นต้น
อุปกรณ์สำคัญสำหรับสุนัขพันธุ์มอลทีสนี้ได้แก่ แปรงสำหรับแปรงขนดีๆ หวีซี่เล็ก กรรไกรสำหรับ แต่งขนบริเวณใต้ฝ่าเท้า รวมทั้งกรรไกร ตัดเล็บสุนัข และกรดบอริคเพื่อเช็ดรอยคราบน้ำตา เป็นต้น
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัขไว้เป็นเพื่อน มีเวลาพาน้องหมาไปตัดแต่งทรงขน ดูแลสุขภาพผิวเป็นอย่างดี และที่สำคัญมีเวลาแปรงขนน้องหมาเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ขนน้องหมาไม่พันกันเป็นสังกะตัง และเงางาม
ข้อควรจำแม้จะจัดสุนัขพันธุ์นี้อยู่ในกลุ่มทอย มอลทีส ก็ยังต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และดูแลเรื่องการให้อาหารอย่างเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่อ้วนเกินไป
ขนาด | ประมาณ 4 - 6 ปอนด์ |
ศรีษะ | มีความยาวปานกลาง หัวกะโหลกลักษณะกลม |
ฟัน | ขาว แข็งแรง ขบแบบเสมอหรือขบแบบกรรไกร |
ปาก | มีความยาวปานกลาง ขนาดของโคนปากเรียวสู่ปลายจมูกเล็กน้อย |
ตา | สีดำ ลักษณะกลม ขอบตาดำ ทำให้ดูตื่นตัวอยู่เสมอ |
หู | โคนหูอยู่ในระดับต่ำ หูตก บริเวณหูมีขนหนาและยาว |
จมูก | มีมุมหักพอประมาณ สีดำ |
คอ | มีความยาวพอเหมาะ |
อก | ค่อนข้างลึก |
ลำตัว | ค่อนข้างสั้น ความยาวของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความสูงของลำตัว เส้นหลังตรงขนานกับพื้น |
เอว | แข็งแรง เอวกิ่วเล็กน้อย |
ขาหน้า | มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้ามีขนยาวเท้ามีขนาดเล็กค่อนข้างกลม นิยมตัดขนบริเวณเท้าเพื่อไม่ให้รุ่มร่าม |
ขาหลัง | มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ข้อเท้าแข็งแรงทำมุมพอประมาณเท้ามีขนาดเล็ก เท้ากลม นิยมตัดบริเวณเท้า |
หาง | ค่อนข้างยาวหางมีขนยาว หางพาดอยู่บนหลัง |
ขน | มีขนชั้นเดียว ขนยาวเหยียดตรง ขนฟู ขนไม่ตั้ง บริเวณหัวยาวอาจมัดเป็นจุก หรือหวีปัดลงก็ได้มีสีขาวทั้งตัว |
สีขน | ขนสีขาวบริสุทธิ์ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)